วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562

KM : การขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ โดยนางภัทรีญา การสมพิศ


๑.       ชื่อองค์ความรู้  การขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ

๒.      ชื่อเจ้าขององค์ความรู้    นางภัทรีญา    การสมพิศ

      ตำแหน่ง   นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ

           สังกัด   สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอพยุหะคีรี   จังหวัดนครสวรรค์

๓.      องค์ความรู้ที่บ่งชี้   
/22
 
           หมวดที่ ๒  เทคนิคการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง


                   ที่มาและความสำคัญในการจัดทำองค์ความรู้  เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัส ชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ มุ่งให้เกิดความสมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งทางวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
                   ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ ความระมัดระวัง ความซื่อสัตย์สุจริตและดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ มีปัญญา และความรอบคอบ

                   ปี พ.ศ. 25๖๒  ตำบลที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบ ได้รับงบประมาณดำเนินการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง  จำนวน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านดอนกระชาย  หมู่ที่ 8  ตำบลยางขาว  และบ้านย่านมัทรี  หมู่ที่  5  ตำบลย่านมัทรี  เป็นหมู่บ้านเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ จากการเข้าไปปฏิบัติงาน  พบว่า คนในหมู่บ้านดำรงชีวิตเน้นการพึ่งพาภายนอก  ฉะนั้น การที่จะเข้าไปขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงให้ประสบผลสำเร็จ  เราจะต้องมีการสร้างจิตสำนึกในการพึ่งตนเอง  และปรับทัศนคติของคนในหมู่บ้านให้รู้จักตนเอง  รู้ศักยภาพของตนเอง และรู้ปัญหาของตนเองและหมู่บ้านนั้นก่อน
๔.     ปัญหาที่พบและแนวทางแก้ไข
          1) มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำชุมชน โดยผู้นำรุ่นใหม่เข้ามาบริหารจัดการชุมชน แต่ยังขาดความรู้และแรงจูงใจในการทำงานเพื่อสาธารณะอย่างแท้จริง รวมทั้งไม่มีการมอบหมายงานที่สำคัญของหมู่บ้านระหว่างผู้นำอย่างชัดเจน ทำให้ระดับการพัฒนาหมู่บ้านช้ากว่าที่ควรจะเป็น
          2) ชาวบ้านยังมีความรู้ความเข้าใจไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง  เรื่องของ   ภูมิปัญญา และเศรษฐกิจฐานราก ว่ามีประโยชน์ในการดำรงชีวิตอย่างไร  และยังคงมีความคิดว่าคนที่จะดำรงชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ต้องเป็นคนยากจน อดมื้อกินมื้อ ต้องกินน้อยใช้น้อย และอยู่ในภาคของเกษตรกรรมเท่านั้น

          3) แต่เดิมชุมชนเป็นหมู่บ้านวิถีทางการเกษตร แต่ผลการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรือการค้าเสรี ทำให้ค่านิยมในการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไป โดยต้องการดำเนินชีวิตด้วยความศิวิไลซ์ จึงมีผลกระทบต่อการเลียนแบบของคนในชุมชนที่แข่งขันกันยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทันสมัยด้วยสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้เกิดภาวะหนี้สิน ก่อให้เกิดความแตกแยก เพราะต้องดิ้นรนต่อสู้กับการจัดหาสิ่งของเพื่ออุปโภคบริโภคมากขึ้น  จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีราคาสูง  คุณภาพของดินถูกทำลายโดยการใช้สารเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพของคนในชุมชนเสื่อมโทรม สาเหตุดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาทับซ้อนมากมาย เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
          ๔) การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในทางปฏิบัติไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ เพราะแต่ละหน่วยงานต่างมีภารกิจของตนเองต้องปฏิบัติจำนวนมากอยู่แล้ว
แนวทางแก้ไข
          1) กระตุ้นจิตสำนึกความเป็นผู้นำ ของผู้นำชุมชน โดยความร่วมมือของทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ  หน่วยงานภาคี และประชาชนเอง
          2) ดำเนินการจัดเวทีประชาคมโดยเน้นการมีส่วนร่วม และสร้างจิตสำนึกสาธารณะ รวมทั้งสร้างความตะหนักถึงสุขภาพที่แข็งแรง  เพราะหากสุขภาพร่างกายแข็งแรงจะส่งผลให้จิตใจมีความเบิกบานเกิดสติปัญญาในการรับรู้และแก้ไขปัญหาของชุมชนได้
          3) พัฒนากรต้องลงทำงานในพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน หน่วยงานภาคีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลงานคุณภาพ ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ในปัจจุบันพัฒนากรทำงานหลากหลายมากเกินไป ทำให้เวลาในการลงไปทำงานกับประชาชนมีน้อย วิธีการและกระบวนการพัฒนาชุมชนที่มีมาแต่ดั้งเดิมจึงไม่บังเกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น
          ๔) พัฒนากรต้องศึกษาหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานให้มากขึ้น เพื่อความชัดเจนในการร่วมดำเนินการกับหน่วยงานภาคี และประชาชน รวมทั้งปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตแบบพอเพียง และทำงานแบบติดดิน คือลงพื้นที่เข้าหาประชาชนให้มากขึ้น 
๕.     ประโยชน์ขององค์ความรู้
          1) ครัวเรือนตระหนักในการสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อน มีความพออยู่พอกินสามารถพึ่งตนเองได้ ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าและฐานะทางเศรษฐกิจของหมู่บ้าน ตำบล  อำเภอ จังหวัด และประเทศได้
          2) ครัวเรือน มีความรู้ ความเข้าใจการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถอุ้มชูตนเองให้มีความพอเพียงได้ และสามารถอยู่ได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น
๖.     เทคนิคการปฏิบัติงาน
          1) จัดประชาคมผู้นำชุมชน เพื่อกำหนดแผนการดำเนินงานร่วมกัน โดยเริ่มจากการฟื้นฟูศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง และรวบรวมบันทึกภูมิปัญญาของปราชญ์ประจำหมู่บ้าน โดยเน้นด้านการเกษตร และการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงการบริหารจัดการทุนในหมู่บ้าน
                    2) ดำเนินงานโครงการที่ได้รับงบประมาณกิจกรรมตามยุทธศาสตร์กรมการพัฒนาชุมชน ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖2 เพื่อกระตุ้นให้ชาวบ้านเกิดจิตสำนึกในการดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญลำดับแรก
                   3) เข้าร่วมประชุมประจำเดือนกับหมู่บ้านเป้าหมายเป็นประจำ เพื่อให้ความรู้และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและการประยุกต์ใช้ การจัดทำบัญชีครัวเรือน เป็นต้น
                    ๔) ประสานหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในการร่วมดำเนินการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น