๑. ชื่อองค์ความรู้ การขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
๒. ชื่อเจ้าขององค์ความรู้ นางดาริกา เทพธวัช
ตำแหน่ง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ
สังกัด สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้สะดวก 0๙5-๔๙๘๖๘๙๙
๓.
องค์ความรู้ที่บ่งชี้
|
๔.
ที่มาและความสำคัญในการจัดทำองค์ความรู้ : กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
มีภารกิจในการเสริมสร้างการบริหารจัดการชุมชนให้ชุมชนเข้มแข็งพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน
ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครองและสิ่งแวดล้อม
และได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ในการทำงานไว้ 4 ประเด็น ได้แก่ 1) ชุมชนพึ่งตนเอง 2)
เศรษฐกิจฐานรากมั่นคงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3) เสริมสร้างการมีส่วนร่วม 4) ชุมชนมีความสุข
ปี พ.ศ. 25๖๒ ตำบลที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบ ได้รับงบประมาณดำเนินการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน ๓ หมู่บ้าน คือ บ้านหนองไม้แดง หมู่ที่ ๑
ตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว,
บ้านประดู่เฒ่า หมู่ที่ ๑๑ ตำบลเนินมะกอก และ บ้านสายหกพัฒนา หมู่ที่ ๑๒
ตำบลเนินมะกอก เป็นหมู่บ้านเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ จากการเข้าไปปฏิบัติงาน พบว่า
คนในหมู่บ้านดำรงชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย
รักความสะดวกสบาย
เน้นการพึ่งพาภายนอก ฉะนั้น
การที่จะเข้าไปขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงให้ประสบผลสำเร็จ เราจะต้องมีการสร้างจิตสำนึกในการพึ่งตนเอง
และปรับทัศนคติของคนในหมู่บ้านนั้นก่อน
๕.
ปัญหาที่พบและแนวทางแก้ไข
๑)
ชาวบ้านยังมีความรู้ความเข้าใจไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องของ
ภูมิปัญญา และเศรษฐกิจฐานราก ว่ามีประโยชน์ในการดำรงชีวิตอย่างไร
และยังคงมีความคิดว่าคนที่จะดำรงชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
ต้องเป็นคนยากจน อดมื้อกินมื้อ ต้องกินน้อยใช้น้อย
และอยู่ในภาคของเกษตรกรรมเท่านั้น
๒)
แต่เดิมชุมชนเป็นหมู่บ้านวิถีทางการเกษตร
แต่ผลการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรือการค้าเสรี
ทำให้ค่านิยมในการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไป โดยต้องการดำเนินชีวิตด้วยความศิวิไลซ์
จึงมีผลกระทบต่อการเลียนแบบของคนในชุมชนที่แข่งขันกันยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทันสมัยด้วยสินค้า
ฟุ่มเฟือย
ทำให้เกิดภาวะหนี้สิน ก่อให้เกิดความแตกแยก
เพราะต้องดิ้นรนต่อสู้กับการจัดหาสิ่งของเพื่ออุปโภคบริโภคมากขึ้น จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีราคาสูง คุณภาพของดินถูกทำลายโดยการใช้สารเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพของคนในชุมชนเสื่อมโทรม
สาเหตุดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาทับซ้อนมากมาย
เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
๓) มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำชุมชน
โดยผู้นำรุ่นใหม่เข้ามาบริหารจัดการชุมชน
แต่ยังขาดความรู้และแรงจูงใจในการทำงานเพื่อสาธารณะอย่างแท้จริง
รวมทั้งไม่มีการมอบหมายงานที่สำคัญของหมู่บ้านระหว่างผู้นำอย่างชัดเจน
ทำให้ระดับการพัฒนาหมู่บ้านช้ากว่าที่ควรจะเป็น
๔) การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในทางปฏิบัติไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่
เพราะแต่ละหน่วยงานต่างมีภารกิจของตนเองต้องปฏิบัติล้นมืออยู่แล้ว
แนวทางแก้ไข
๑)
ดำเนินการจัดเวทีประชาคมโดยเน้นการมีส่วนร่วม และสร้างจิตสำนึกสาธารณะ รวมทั้งสร้างความตะหนักถึงสุขภาพที่แข็งแรง
เพราะหากสุขภาพร่างกายแข็งแรงจะส่งผลให้จิตใจมีความเบิกบานเกิดสติปัญญาในการรับรู้และแก้ไขปัญหาของชุมชนได้
๒) พัฒนากรต้องลงทำงานในพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน หน่วยงานภาคีอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ได้ผลงานคุณภาพ ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ในปัจจุบันพัฒนากรทำงานจิปาถะมากเกินไป
ทำให้เวลาในการลงไปทำงานกับประชาชนมีน้อย
วิธีการและกระบวนการพัฒนาชุมชนที่มีมาแต่ดั้งเดิมจึงไม่บังเกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น
๓)
กระตุ้นจิตสำนึกความเป็นผู้นำ ของผู้นำชุมชน
โดยความร่วมมือของทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
หน่วยงานภาคี และประชาชนเอง
๔)
พัฒนากรต้องศึกษาหาความรู้ที่เกี่ยวข้องการทำงานให้มากขึ้น
เพื่อความชัดเจนในการร่วมดำเนินการกับหน่วยงานภาคี และประชาชน
รวมทั้งทำตัวเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตแบบพอเพียง และทำงานแบบติดดิน
คือลงพื้นที่เข้าหาประชาชนให้มากขึ้น
๖.
ประโยชน์ขององค์ความรู้
๑)
ครัวเรือน มีความรู้
ความเข้าใจการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถอุ้มชูตัวเองได้
ให้มีความพอเพียงกันตัวเองอยู่ได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น
๒)
ครัวเรือนตระหนักในการสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อน
มีความพอกินพอใช้สามารถพึ่งตนเองได้
ย่อมสามารถ สร้างความเจริญก้าวหน้าและฐานะทางเศรษฐกิจของหมู่บ้าน ตำบล
อำเภอ จังหวัด และประเทศได้
๗.
เทคนิคการปฏิบัติงาน
๑)
เข้าร่วมประชุมประจำเดือนกับหมู่บ้านเป้าหมายเป็นประจำ
เพื่อให้ความรู้และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง เช่น
ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
การประยุกต์ใช้ การจัดทำบัญชีครัวเรือน
ฯลฯ
๒)
ดำเนินงานโครงการที่ได้รับงบประมาณ กิจกรรมตามยุทธศาสตร์กรมการพัฒนาชุมชน ประจำปี
พ.ศ.๒๕๖2
เพื่อกระตุ้นให้ชาวบ้านเกิดจิตสำนึกในการดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญลำดับแรก
๓)
จัดประชาคมผู้นำเป็นกลุ่มย่อย เพื่อกำหนดแผนงานดำเนินการร่วมกัน
โดยเริ่มจากการฟื้นฟูศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
และรวบรวมบันทึกภูมิปัญญาของปราชญ์ประจำหมู่บ้าน โดยเน้นด้านการเกษตร
และการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงการบริหารจัดการทุนในหมู่บ้าน
๔)
ประสานหน่วยงานภาคี ร่วมดำเนินการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น