วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562

KM : การสร้างความยั่งยืนให้กับสัมมาชีพชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยนายสากล รุ่งทอง


ชื่อความรู้                  การสร้างความยั่งยืนให้กับสัมมาชีพชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เจ้าของความรู้            นายสากล  รุ่งทอง
ตำแหน่ง                   นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ
สังกัด                       สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอท่าตะโก  

. ที่มาและความสำคัญของปัญหา
                   การสร้างสัมมาชีพชุมชน : กรมการพัฒนาชุมชนได้กำหนดวาระกรมการพัฒนาชุมชน ปี 2560 (CDD Agenda 2017) ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่หนึ่ง การพัฒนาอาชีพครัวเรือนด้วยการส่งเสริมการขับเคลื่อนการสร้างสัมมาชีพชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 23,589 หมู่บ้านทั่วประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบท (ยุทธศาสตร์ที่ 1) ซึ่งได้กำหนดกระบวนการขับเคลื่อนที่เริ่มต้นด้วยการพัฒนาทักษะการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับปราชญ์ชุมชน เพื่อให้กลับไปสร้างทีม และจัดฝึกอบรมอาชีพให้กับครัวเรือนเป้าหมายที่ต้องการฝึกอาชีพในหมู่บ้าน โดยใช้พื้นที่ในบ้านปราชญ์ชุมชนหรือศูนย์เรียนรู้ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อมุ่งหมายให้ครัวเรือนที่เข้ารับการฝึกอาชีพมีความรู้ และปฏิบัติอาชีพได้จริงเพื่อมุ่งเน้นการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากในเรื่อง “รายได้ครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน”


2. กระบวนการ/วิธีการ/เทคนิค
                   1. การสร้างความเข้าใจกับพื้นที่เป้าหมายและให้ความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานเบื้องต้น
                   2. ระดับจังหวัดมีการสร้างความรู้ความเข้าใจ มีการประชุมเชิงปฏิบัติการทีมสนับสนุนการขับเคลื่อนสัมมาชีพชุมชนระดับจังหวัด
                   3. ระดับอำเภอ/เจ้าหน้าที่ ใช้กลไกในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ มีการแต่งตั้งคณะทำงานและให้ทุกส่วนมีการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง มีการประชุมเชิงปฏิบัติการทีมสนับสนุนการขับเคลื่อนสัมมาชีพระดับอำเภอ
                   4. ระดับพื้นที่ชุมชน เตรียมแกนนำในชุมชน ปราชญ์ชาวบ้านที่จะเข้าอบรมผู้นำสัมมาชีพ โดยมีขั้นตอนการคัดเลือกสัมมาชีพในชุมชน เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ เสียสละ และสามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนในชุมชนได้ และมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพในชุมชน
ปัญหาระหว่างการดำเนินงาน
                   1.  พัฒนากร  : ขาดความเข้าใจในแนวทางการขับเคลื่อนโครงการ ทำให้การปฏิบัติงานในพื้นที่มีความล่าช้า การคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เนื่องจากในขั้นตอนการอบรมผู้นำสัมมาชีพที่ศูนย์ศึกษาฯ  เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมอบรมกระบวนการดังกล่าวด้วยทำให้เกิดปัญหาในการนำมาขับเคลื่อนงานพื้นที่
                   2.  ระดับพื้นที่ชุมชน  : แกนนำในชุมชนไม่เข้าใจแนวทางการคัดเลือกสัมมาชีพชุมชน     ขาดการเตรียมความพร้อมในพื้นที่ ชาวบ้านมองว่าเป็นโครงการรัฐบาลเน้นให้เงินมาใช้จ่ายในครัวเรือน การให้ความร่วมมือและให้ความสำคัญในขับเคลื่อนโครงการน้อย ไม่เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดกับชุมชน
                   3.  บางพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามห้วงระยะเวลาของยุทธศาสตร์เนื่องจากผู้นำปราชญ์ต้องได้รับการอบรมจากศูนย์พัฒนาและศึกษาฯแต่ละเขตก่อน และยังส่งผลกระทบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายของสำนักงาน
                   4. ระดับพื้นที่มีความต้องการที่หลากหลายในการเลือกสัมมาชีพทำให้มีปัญหากับการทำเอกสารจัดซื้อจัดจ้างของเจ้าหน้าที่
3. การแก้ไขปัญหา : การส่งเสริมการขับเคลื่อนการสร้างสัมมาชีพชุมชน
                   1. ระดับจังหวัดควรมีแนวทางแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับการดำเนินงานในเรื่องของการกำหนดระยะเวลาการอบรมของผู้นำหรือปราชญ์ที่เข้าอบรมเนื่องจากหากผู้นำยังไม่ผ่านการอบรมก็ไม่สามารถดำเนินการขับเคลื่อนกิจกรรมได้ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับยอดการเบิกจ่ายงบประมาณ
                   2. ระดับอำเภอ/เจ้าหน้าที่ ใช้กลไกในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ มีการแต่งตั้งคณะทำงานและให้ทุกส่วนมีการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง มีการประชุมเชิงปฏิบัติการทีมสนับสนุนการขับเคลื่อนสัมมาชีพระดับอำเภอ โดยเฉพาะเน้นการมีส่วนร่วมของเครือข่ายงานพัฒนาชุมชน (ศอชต. ผู้นำ อช.คณะกรรมการพัฒนาสตรี ) ให้ดำเนินการตามบทบาทและหน้าที่
                   3. ระดับพื้นที่ชุมชน แกนนำในชุมชน มีขั้นตอนการคัดเลือกสัมมาชีพในชุมชน ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ เสียสละ มีการดำเนินวิถีชีวิตครัวเรือนที่เป็นแบบเป็นรูปธรรม และสามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนในชุมชนได้ และมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพในชุมชน
                   4. เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนต้องเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงเพื่อให้ความรู้ในการชี้แนะแนวทางเลือกอาชีพที่ทางชุมชนต้องการและสามารถดำเนินการได้ทุกครัวเรือน
4.  ประโยชน์ที่ได้รับ/ผลที่เกิดขึ้นจากการนำองค์ความรู้ไปใช้
                   1. ประโยชน์ที่ประชาชนและชุมชนได้รับ ชุมชนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาในชุมชน โดยคนในชุมชนเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหา ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ สามารถสร้างความยั่งยืน
                   2. ประโยชน์ของทางราชการ เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง มีประสิทธิภาพ เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมอื่นๆที่มีอยู่ในพื้นที่ได้เป็นการต่อยอดกิจกรรมให้มีความยั่งยืนของการดำเนินงานตามโครงการ
                   3. ประโยชน์ที่เจ้าหน้าที่จะได้รับ  เจ้าหน้าที่มีความรู้ในการขับเคลื่อนโครงการ มีความชัดเจนในขั้นตอน วิธีการ สามารถขับเคลื่อนงานได้ตามวัตถุประสงค์ สามารถเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำ  แก่ชุมชนในการคัดเลือกอาชีพ การสร้างสัมมาชีพในชุมชน  และสามารถต่อยอดกิจกรรมในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถส่งเสริมกระบวนการกลุ่มให้กับคนในชุมชน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้      
5.  ปัจจัยที่ส่งผลให้ประสบผลสำเร็จ
                   1. ศึกษาหาความรู้ ในทุกกระบวนการทำงานของโครงการสัมมาชีพชุมชนโดยอาศัยพื้นฐานตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
                   2.  การให้ความสำคัญกับทุกกระบวนงานตั้งแต่เริ่มต้น-สิ้นสุด เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของโครงการ
                   3.  ให้ความสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลชุมชนตามกระบวนการทำงานพัฒนาชุมชน ไม่ว่าจะเป็น จปฐ. กชช.2ค เพื่อนำข้อมูลที่มีในชุมชนมาเป็นฐานในการวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาของคนในชุมชน โดยคนในชุมชนเป็นแกนนำ เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาของชุมชน

6.  แนวคิด/ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
                    1.  แนวทางการดำเนินงาน “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
                   2.  หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
                   3.  แนวทางการสร้างสัมมาชีพชุมชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น