“ การเป็นนักพัฒนาชุมชนนั้น บทบาทสำคัญอีกหนึ่งอย่างหนึ่งที่เราต้องปฏิบัติโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็คือ การเป็นพิธีกร ไม่ว่าจะเป็นพิธีรับเชิญ พิธีกรจำเป็น พิธีกรแก้ขัด อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งในบางคนก็
สามารถทำได้ หรือพอทำได้ หรืออาจจะทำได้ดี แต่ในบางคนก็อาจจะทำไม่ได้เลย บางคนถึงขนาดกลัวด้วยซ้ำไป แต่ความเป็นจริงแล้วอาชีพของนักพัฒนา หรือพัฒนากร ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความสามารถในการพูด ต้องพูดได้ พูดเป็น พูดให้คนฟังเข้าใจ และต้องมีการศึกษาวิธีการพูดให้ถูกต้อง ”
เรื่องมีอยู่ว่า....
จากข้อความดังกล่าวข้างต้น หากเราได้รับมอบหมายให้ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรงานใดงานหนึ่ง เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้มีการศึกษาถึงการเป็นพิธีกรที่ดูดี มีความรู้ความสามารถ ถูกต้องตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด พิธีกร คือ ผู้ดำเนินการในพิธีต่าง ๆ เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่กำกับ/นำ/ อำนวยการ ให้กิจกรรมรายการหรือพิธีการต่าง ๆ ดำเนินการไปให้แล้วเสร็จเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์และกำหนดการที่วางไว้
เป็นผู้ให้ข้อมูล โดยอย่างน้อยจะต้องมี ขบวนการตามลำดับ เช่น แจ้งกำหนดการ
แจ้งรายละเอียดของรายการ แนะนำผู้พูด ผู้แสดง ผู้ดำเนินการอภิปรายและอื่น ๆ
เป็นผู้เริ่มกิจกรรม เช่น กล่าวทักทาย ต้อนรับเชิญเข้าสู่งาน เชิญเข้าสู่พิธี ดำเนินรายการต่าง ๆ ตลอดจนเชิญ เปิดงาน – ปิดงาน
เป็นผู้เชื่อมโยงกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กล่าวเชื่อมโยงเหตุการณ์ตามลำดับ แจ้งให้ทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ แจ้งขอความร่วมมือ กล่าวเชิญชวนให้ติดตาม เป็นผู้ส่งเสริมจุดเด่นให้งานหรือกิจกรรมและบุคคลสำคัญในงาน
เป็นผู้ที่สร้างสีสัน บรรยากาศของงาน เช่น ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมเป็นระยะ มีมุขขำ มุขตลกขึ้นเป็นระยะ ๆ
เป็นผู้เสริมสร้างความสมานฉันท์ในงาน เช่น กล่าวละลายพฤติกรรม กล่าวจูงใจให้รู้รักสามัคคี
เป็นผู้เติมช่องว่างและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงานพิธีต่าง ๆ เช่น กล่าวชี้แจงกรณีบุคคลสำคัญ
ไม่สามารถมาช่วยงานพิธีต่าง ๆ ได้ กล่าวสร้างความเข้าใจกรณีต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดการ
ดังนั้น บุคคลที่จะเป็นพิธีกรที่ดีมีความสามารถจะต้องมีการฝึกฝนเรียนรู้ในหลักการ กลยุทธ์ในการพูดคุย ตลอดจนการเตรียมความพร้อมและเตรียมตัวในการทำหน้าที่ เช่น
• เตรียมตัวให้พร้อม • ซ้อมให้ดี • ท่าทีให้สง่า
• หน้าตาให้สุขุม • ทักที่ประชุมอย่าวกวน • เริ่มต้นให้โน้มน้าว
• เรื่องราวให้กระชับ • จับตาที่ผู้ฟัง • เสียงดังให้พอดี
• อย่าให้มีเอ้ออ้า • ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาที่พูด
ในการทำหน้าที่พิธีกรนั้น จะมี 2 แบบด้วยกัน คือ
แบบรู้ตัวก่อนและจะต้องเตรียมตัว (พิธีกรรับเชิญ)
แบบไม่รู้ตัวมาก่อน จะต้องไปใช้ปฏิภาณ ไหวพริบทุกคนทำได้ (พิธีกรจำเป็น)
การเตรียมตัวในการทำหน้าที่พิธีกร จะต้องมีการเตรียมตัวในการทำหน้าที่ ดังนี้
ศึกษาข้อมูล/วิเคราะห์สถานการณ์ ผู้นำ ผู้ชม โอกาส วัตถุประสงค์ของงานพิธี รายการที่กำหนดไว้ เพื่อทราบความมุ่งหมายของการทำหน้าที่
เตรียมเนื้อหาและคำพูด เริ่มต้นอย่างไร.. ? มุขตลก ขำขัน แทรกอย่างไร คำคม ลูกเล่น จุดเด่นที่ควรกล่าวถึง ต้องเตรียมค้นคว้าศึกษาจากศูนย์ข้อมูลมาให้พร้อม
ตรวจสอบความเหมาะสม ของบทความที่เตรียมมาว่าเหมาะสมกับเวลาหรือไม่
ต้องมีการฝึกซ้อมไม่ว่าจะซ้อมหลอกหรือซ้อมจริง
ศึกษาสถานที่จัดงานหรือพิธีที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
เตรียมเสื้อผ้าและชุดการแต่งกาย อย่างเหมาะสมกับกิจกรรม พร้อมดูแลตั้งแต่ หัวจรดเท้า
ข้อควรปฏิบัติ ในการทำหน้าที่ของพิธีกร คือ
• ทำจิตให้แจ่มใส • ไปถึงก่อนเวลา • อุ่นเครื่องแก้ประหม่า
• ทำหน้าที่สุดฝีมือ • เลื่องลือผลงาน
ข้อพึงระวัง สำหรับการทำหน้าที่เป็นพิธีกร
• ต้องมีบุคลิกดูดี
• ต้องรักษาเวลา
• ต้องแสดงออกอย่างสุภาพและให้เกียรติ ร่าเริงแจ่มใส ให้ความเป็นกันเอง
• ต้องมีการประสานงานด้านข้อมูล และพร้อมเผชิญปัญหาโดยไม่หงุดหงิด
• ต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องชัดเจนให้ชวนฟัง น่าติดตาม
• ต้องเสริมจุดเด่นของคนอื่นไม่ใช่ของตนเอง
• สร้างความประทับใจ ด้านสุภาษิต หรือคำคม
“ มาถึงตรงนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง อ่านแล้วก็ไม่ยากเกินไป..สำหรับคนที่รักจะทำ อยากจะเสริมเพิ่มเติมอีกนิดก็คือว่า เป็นไปได้อยากให้นักพัฒนาชุมชนเราได้มีการฝึกฝนเตรียมความพร้อมอยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะได้เป็นพิธีกรรับเชิญหรือจำเป็นก็ตามหากเรามีความพร้อมอยู่ในตัวเราแล้ว...เราก็สามารถดำเนินรายการนั้นได้อย่างดี แต่ถ้าไม่ได้รับเชิญก็ไม่เป็นไร คิดว่าเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ความชำนาญ อีกประเด็นที่อยากเพิ่มเติม ก็คือ ควรจะมีเพลงหรือเกมฝึกสมองเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อคั้นเวลาหรือระหว่างรอความพร้อม และสามารถเป็นการสร้างความสนุกสนาน กระตุ้นเร้าเข้าสู่การดำเนินรายการได้อย่างดีที่เดียวนะ...จะบอกให้ ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น