วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562

KM : เทคนิคการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โดยนางสาวเกสร คำไวโย


1. ชื่อองค์ความรู้         เทคนิคการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
2. ชื่อเจ้าของความรู้     นางสาวเกสร  คำไวโย   ตำแหน่ง  นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ
                             สังกัดสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอตากฟ้า  เบอร์โทร 064-0340809
3. องค์ความรู้ที่บ่งชี้     
                 หมวดที่ 1 เทคนิคการสร้างและพัฒนาผู้นำในการขับเคลื่อนสัมมาชีพชุมชน
           P   หมวดที่ 2 เทคนิคการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
                 หมวดที่ 3 เทคนิคการแก้ไขปัญหาความยากจน
       หมวดที่ 4 เทคนิคการเพิ่มศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) สู่การพัฒนายกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์
                 หมวดที่ 5 เทคนิคการส่งเสริมช่องทางการตลาดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
                       หมวดที่ 6 เทคนิคการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี
                 หมวดที่ 7 เทคนิคการส่งเสริมกองทุนชุมชนให้เกิดการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล
                 หมวดที่ 8 เทคนิคการเสริมสร้างองค์กรให้มีสมรรถนะสูง (เป็นบุคลากรทันสมัย พัฒนาองค์กร)
4. ที่มาและความสำคัญในการจัดทำองค์ความรู้
                    เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ก่อนวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ  ซึ่งความพอเพียงนั้น หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง   ในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิต ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี

การส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เป็นภารกิจหลักของกรมการพัฒนาชุมชน ที่ต้องส่งเสริมให้ประชาชนใช้ชีวิตตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และขับเคลื่อนให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลามุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง แบบค่อยเป็นค่อยไป ดังที่ว่าเดินที่ละก้าว กินข้าว          ที่ละคำ เศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน  โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบและคุณธรรมประกอบการวางแผนการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต จึงเกิดโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอพียงต้นแบบขึ้นมาเพื่อหวังให้ประชาชนได้น้อมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน  
                                                                                               
          การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความ      ไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำ
                กรมการพัฒนาชุมชน  ได้ดำเนินการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็น เป็นสุข” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิต และเป็นเป้าหมายของการพัฒนาหมู่บ้าน โดยจัดกระบวนการ เพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้านได้ใช้ความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ และนำแนวทางการปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนาหมู่บ้าน เพื่อให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบการพัฒนา   ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่มีความพร้อมในการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ แบ่งเป็น    ลักษณะ  คือ  หมู่บ้านพัฒนา “พออยู่ พอกิน” “อยู่ดี กินดี” และ “มั่งมี ศรีสุข” ซึ่งแต่ละประเภท  จะเป็นต้นแบบในการเรียนรู้ให้กับหมู่บ้านอื่น ที่จะใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ ในการพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งทัดเทียมกัน และคงความต่อเนื่องในการพัฒนา เพื่อเป็นหมู่บ้านที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมีความพร้อมในการเป็นต้นแบบอย่างแท้จริง เพื่อขยายผลไปสู่หมู่บ้านที่มีความสนใจ และเริ่มจัดกระบวนการพัฒนาโดยใช้วิธีการเรียนรู้ร่วมกันแบบบ้านพี่บ้านน้อง ในลักษณะเครือข่ายการพัฒนาร่วมกัน
การดำเนินการโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการพัฒนาชุมชนด้วยการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมสำหรับปรับเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงระบบคิดเพื่อเสริมสร้างวิถีชีวิตที่เหมาะสมเป็นชุมชนเข้มแข็งพึ่งตัวเองได้และการกำหนดระบบการประเมินที่มีประสิทธิภาพใช้เกณฑ์ชี้วัดและมีหลักฐานการยืนยันการปฏิบัติให้เป็นที่ยอมรับโดยผ่านเกณฑ์การประเมินคำรับรองแพทย์พิจารณาภายใต้เงื่อนไขในการคัดเลือกหมู่บ้านเป้าหมายและขั้นตอนการบริหารจัดการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง

         กระบวนการ/วิธีการ/ขั้นตอนการดำเนินงาน
          ๑. เริ่มจากการพิจารณาคัดเลือกหมู่บ้านที่มีความพร้อมในการดำเนินชีวิตตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
          ๒. เตรียมความพร้อมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โดยการคัดเลือกครัวเรือนพัฒนา จำนวน 30 ครัวเรือนเข้าร่วมกิจกรรมและที่สำคัญต้องเต็มใจ พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน
          3. จัดสัมมนาการเรียนรู้วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ครัวเรือนพัฒนา  ๓๐  ครัวเรือน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการขับเคลื่อนกิจกรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ เพื่อทบทวนกระบวนการเรียนรู้ 
4. ศึกษาดูงานประสบการณ์การพัฒนาวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงจากแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ (บ้านพี่) เพื่อสร้างแรงบัลดาลใจ และเกิดการกระตุ้นพร้อมนำไปปฏิบัติจากการศึกษาดูงานแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ
5. ส่งเสริมการจัดทำแผนชีวิตและแผนชุมชน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลครัวเรือน เพื่อทำแผนชีวิตครัวเรือน วิเคราะห์ข้อมูลชุมชน เพื่อจัดทำหรือทบทวน/ปรับแผนชุมชน พร้อมทั้งประเมินหมู่บ้านตามเกณฑ์ประเมินหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ของกระทรวงมหาดไทย (4 ด้าน 23 ตัวชี้วัด) และประเมินความ อยู่เย็น เป็นสุขหรือความสุขมวลรวมของหมู่บ้าน (Gross Village Happiness : GVH)
                                                                                               
6. ดำเนินการขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้หมู่บ้านนำผลจากการส่งเสริมการจัดทำแผนชีวิตและแผนชุมชนมาเป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาให้ดีขึ้น                                                                                            
5. ปัญหาที่พบและแนวทางการแก้ไขปัญหา
            ปัญหาที่พบ
          1. ครัวเรือนพัฒนา ต้องคัดเลือกจากครัวเรือนที่มีความพร้อม และเป็นครัวเรือนที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน
                แนวทางการแก้ไขปัญหา
                          1. ปรับกรอบแนวความคิด/ กระบวนการทางความคิด (Mindset) ให้ผู้แทนครัวเรือนพัฒนา เกิดความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ
                                2. คัดเลือกครัวเรือนเป้าหมายที่มีความเข้าใจ และเกิดความตระหนักในการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต และเป็นครัวเรือนที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน
                          3. ควรได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานภาคีทุกหน่วยงาน เพื่อให้มีการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ซึ่งจะได้รับการพัฒนาให้ครบในทุกๆด้าน
          2. ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง เอาความสะดวกสบายความรวดเร็วเป็นที่ตั้ง และที่สำคัญยังคงใช้สารเคมีที่นับวันจะใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็พบกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น คุณภาพชีวิตที่เริ่มตกต่ำ และเริ่มที่จะหลงลืมภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ
          แนวทางการแก้ไขปัญหา
                        ควรเริ่มจากให้ความรู้ความเข้าใจตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง จากนักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้าน และผู้ที่ใช้ชีวิตตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียงที่ประสพความสำเร็จในชีวิต เพื่อปรับเปลี่ยนแนวความคิด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด หากเปลี่ยนแนวความคิดไม่ได้ก็ยากที่จะขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงให้ประสพความสำเร็จ

6. ประโยชน์ขององค์ความรู้
            1. ครัวเรือนพัฒนาและประชาชนในหมู่บ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมื่อมีการปรับแนวความคิดไปสู่การดำเนินชีวิตที่น้อมนำและให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเพิ่มมากขึ้น
          2. ครัวเรือนพัฒนาและประชาชนในหมู่บ้านดำเนินวิถีชีวิตตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการมีส่วนร่วม ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เอื้ออารีต่อกัน และอยู่อย่างประชาธิปไตย
                3. ครัวเรือนพัฒนาสามารถจัดทำแผนชีวิตครัวเรือน จากการวิเคราะห์ข้อมูลของครัวเรือนได้
          4. หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงสามารถวางแผนการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาจากผลการจัดทำแผนชีวิตของครัวเรือนพัฒนา แผนชุมชน ผลการประเมินหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ของกระทรวงมหาดไทย (4 ด้าน 23 ตัวชี้วัด) และผลการประเมิน ความอยู่เย็น เป็นสุขหรือความสุขมวลรวมของหมู่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านสามารถดำเนินการได้เองเป็นอันดับแรก หรือประสานความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกได้  
                                                                                                                                              
          5. การทำงานเป็นทีม โดยการใช้หลักการมีส่วนร่วม ในทุกระดับภาคส่วนทั้งจากภาครัฐ องค์กรภาคประชาชน เพื่อให้การขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงประสบความสำเร็จและพึ่งตนเองได้  นั้นเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
          6. การประสานงานความร่วมมือเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกับผู้นำชุมชน ส่วนราชการท้องที่, ท้องถิ่น ภาคเอกชนและคณะกรรมการหมู่บ้าน คนในชุมชนร่วมคิด ร่วมรู้ ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์ เพื่อค้นหาข้อมูล รวบรวมผลงานของกลุ่ม/องค์กร และจัดทำเอกสารความรู้ในการขยายผลสู่หมู่บ้านอื่น
          7.  ผู้นำชุมชนมีศักยภาพ มีภาวะผู้นำ มีความเสียสละ มีการบริหารจัดการหมู่บ้านที่ดี มีความเข้มแข็ง     มีความพร้อม มีความสามัคคี ในการเข้าร่วมการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ และขยายผลครัวเรือนต้นแบบให้ครอบคลุมทั่วทุกครัวเรือนในระดับหมู่บ้าน

7. เทคนิคในการปฏิบัติงาน
          1. ยึดหลักความมีศักดิ์ศรีและพัฒนา ศักยภาพของประชาชนและเปิดโอกาสให้ประชาชนใช้ศักยภาพที่มีอยู่ให้มากที่สุด ต้องเชื่อมั่นว่าประชาชนนั้นมีศักยภาพที่จะใช้ความรู้ความสามารถที่จะปรับปรุงพัฒนาตัวเองได้จึงต้องให้โอกาสประชาชนในการคิดวางแผนเพื่อแก้ปัญหาชุมชนด้วยตัวเอง โดยพัฒนากรเป็นผู้กระตุ้นแนะนำและส่งเสริม
          2. ยึดหลักการพึ่งตัวเองของประชาชนนักพัฒนาต้องยึดมั่นเป็นหลักสำคัญว่าจะต้องสนับสนุนให้ประชาชนพึ่งตัวเองได้โดยการสร้างพลังชุมชนเพื่อพัฒนาชุมชน
          3. ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมคิดตัดสินใจวางแผนปฏิบัติตามแผนและติดตามประเมินผลในกิจกรรม เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการดำเนินการอันเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกในการเป็นเจ้าของโครงการหรือกิจกรรม
          4. ยึดหลักประชาธิปไตยในการทำงานจะต้องเริ่มด้วยการพูดคุยประชุมปรึกษาหารือร่วมกันคิดร่วมกันตัดสินใจและ ทำร่วมกันรวมถึงรับผิดชอบร่วมกันภายใต้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามวิถีแห่งประชาธิปไตย
          5. การให้การศึกษาแก่ชุมชนเป็นการสนทนาวิเคราะห์ปัญหาร่วมกับประชาชนเป็นการนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากขั้นตอนการศึกษาชุมชน มาวิเคราะห์ถึงปัญหาความต้องการและสภาพที่แท้จริงผลกระทบความรุนแรงและความเสียหายต่อชุมชนเป็นวิธีสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประชาชนได้รู้เข้าใจและตระหนักในปัญหาของชุมชน โดยการจัดเวทีประชาคมเพื่อค้นหาปัญหาร่วมกันของชุมชน
          6.การวางแผน / โครงการเป็นขั้นตอนในการที่ให้ประชาชนร่วมตัดสินใจและกำหนดโครงการเป็นการนำเอาปัญหาที่ประชาชนตระหนักและยอมรับว่าเป็นปัญหาของชุมชนมาร่วมกันหาสาเหตุ แนวทางแก้ไขและจัดลำดับความสำคัญของปัญหา และให้ประชาชนเกิดเป็นผู้ตัดสินใจที่แก้ไขปัญหาภายใต้ขีดความสามารถของประชาชนและมีการแสวงหาการช่วยเหลือจากบุคคลภายนอก วิธีนี้เป็นวิธีสำคัญ คือการให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการแก้ไขปัญหาวิธีการวางแผนการเขียนโครงการและการใช้เทคนิคการวางแผนแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น