วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

KM : กองทุนแม่ของแผ่นดิน โดย ศรัณยา คำดี

1.ส่วนนำ
ในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ รัฐบาลได้กำหนดปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยยึดหลักนิติธรรมในการปราบปราม ลงโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้มีอิทธิพล และผู้ประพฤติมิชอบ โดยบังคับใช้กฎหมายอย่าง
เคร่งครัด ยึดหลัก ผู้เสพคือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม พร้อมทั้งมีกลไกติดตามช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ประกอบกับ กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มอบให้กรมการพัฒนาชุมชน เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงาน “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นรูปธรรมในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด บรรลุผลตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๕  
2.ส่วนขยาย
 กองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นเสมือน “เงินขวัญถุง” จุดเริ่มต้นของพลังแห่งความดี ถือเป็นทุนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนอย่างยั่งยืน ด้วยการเรียนรู้และกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้าน/ชุมชน ทั้งด้านความคิด ความรู้ การแลกเปลี่ยน การรวมกลุ่มและความตื่นตัว เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน/ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหายาเสพติด โดยมีพิธีพระราชทานเงินกองทุนแม่ของแผ่นดินครั้งแรกในปี ๒๕๔๗ ด้วยเงินขวัญถุงพระราชทานเริ่มต้นกองทุนละ ๘,๐๐๐ บาท อำเภอชุมแสง  จังหวัดนครสวรรค์  มีหมู่บ้าน/ชุมชนที่ได้รับพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙-๒๕๕๓  ทั้งสิ้นจำนวน ๑๖  กองทุน
3.ส่วนสรุป
กระบวนการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของอำเภอชุมแสง  ซึ่งสามารถสรุปวิธีการ/ขั้นตอน และผลการดำเนินงานในการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอชุมแสง  จังหวัดนครสวรรค์  ดังนี้
                ๑)  มีคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับอำเภอ และจัดประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอชุมแสง  เพื่อรายงานผลการดำเนินงาน และร่วมจัดทำแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน โดยมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน                
๒) มีชุดวิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับอำเภอ เพื่อเป็นผู้ขยายผลเกี่ยวกับการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน
            ๓) มีการจัดตั้งเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับอำเภอ   เพื่อเป็นกลไกภาคประชาชนในการประสานงาน และขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน
           ๔) ตรวจสุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน จำนวน ๑๖  หมู่บ้าน/ชุมชน และจัดทำแผนพัฒนากองทุนฯ จากผลการตรวจสุขภาพ ปรากฏผล ดังนี้
 
- ระดับสุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน ระดับ A    จำนวน  ๔  กองทุน
  - ระดับสุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน ระดับ B    จำนวน  ๑๒  กองทุน
                หากพิจารณาถึงอุดมการณ์กองทุนแม่ของแผ่นดิน คือ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเชิงคุณภาพ โดยรวมพลังของชุมชนร่วมแก้ไขยาเสพติดด้วยจิตใจที่พึ่งพาตนเองและฟื้นฟูทุนทางสังคมของหมู่บ้าน/ชุมชน ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นตามสภาพของแต่ละพื้นที่ในมิติสังคมและวัฒนธรรม โดยยึดโยงกับความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในสังคม เป็นพลังสำคัญที่มีส่วนทำให้กองทุนแม่ของแผ่นดินเพิ่มพูนขึ้นด้วยความศรัทธาและปัญญาของชุมชนจนหล่อหลอมแนวคิด อุดมการณ์ร่วมของชุมชนเป็นหนึ่งเดียวและพัฒนาไปสู่การแก้ไขปัญหาพื้นฐานตามยุทธศาสตร์พระราชทาน “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งถือเป็นกรอบแนวคิดสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมทุกด้านของสังคม จะเห็นได้ว่า มีความสอดคล้องกับภารกิจของกรมการพัฒนาชุมชน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินให้มีคุณภาพ เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยอาศัยบทบาทของพัฒนากรในฐานะผู้เอื้ออำนวย (facilitator) หรือวิทยากรกระบวนการ เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความร่วมมือ (Collaborate) การอำนวยการพัฒนา (Facilitate) และการสร้างเครือข่าย (Network) ในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาในชุมชนด้วยการพึ่งพาตนเอง ด้วยทุนชุมชน เพื่อประโยชน์ของชุมชน และนำไปสู่เป้าหมายความสำเร็จกองทุนแม่ของแผ่นดินร่วมกัน นั่นก็คือ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
  4.ขุมความรู้
            -  การทำงานแบบบูรณาการงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนอย่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
            -  บทบาทของพัฒนากร ในฐานะผู้เอื้ออำนวย (facilitator) หรือวิทยากรกระบวนการ
           -  การเรียนรู้และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ก่อให้เกิดชุมชนเข้มแข็งและการพัฒนาที่ยั่งยืน
           -  ชุมชนพึ่งพาตนเองได้  ด้วยทุนชุมชน บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
           -  กระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง ต้องเกิดจากความต้องการของประชาชนในการร่วมคิด/วิเคราะห์ ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมดำเนินการ และร่วมรับผลประโยชน์
  5.แก่นความรู้
        -  การทำงานในฐานะผู้เอื้ออำนวย (facilitator) หรือวิทยากรกระบวนการ
        -  การประสานงาน การบูรณาการงานร่วมกัน
        -  การเรียนรู้ และกระบวนการมีส่วนร่วม
        -  การวางแผนในการปฏิบัติงานด้วยทุนชุมชนและการพึ่งพาตนเอง บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง
        -  การสร้างเครือข่ายการพัฒนาในชุมชน
เจ้าของความรู้  นางสาวศรัณยา  คำดี
ตำแหน่ง/สังกัด  นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ  สังกัดสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอชุมแสง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น