KM : การส่งเสริมการทำน้ำหนักชีวภาพคุณภาพสูงเพื่อลดต้นทุนในการผลิตภาคการเกษตร โดยนายลือชัย โชคพล

ชื่อความรู้        การส่งเสริมทำน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง เพื่อลดต้นทุนในการผลิตภาคการเกษตร

เจ้าของความรู้   นายลือชัย  โชคพล

ตำแหน่ง/สังกัด  เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน ชำนาญงาน  สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบรรพตพิสัย  จังหวัดนครสวรรค์

แก้ปัญหาเกี่ยวกับ      การลดต้นทุนภาคการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

เรื่องเล่า

          ๑. ในสถานการณ์ ปัจจุบันราคาผลผลิตทางการเกษตรลดลง โดยเฉพาะราคาข้าวตกต่ำ  แต่ต้นทุนในการผลิตสูง โดยเฉพาะราคาปุ๋ยเคมีมีราคาสูง และสภาวะภัยแล้งทำให้ผลผลิตการเกษตรต่ำ ทำให้รายได้ไม่คุ้มกับการลงทุน เกษตรกรต้องมีหนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น

          ๒. วิธีการดำเนินงาน ในการส่งเสริมทำน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง

                   - ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน/ผู้นำชุมชน/แกนนำขับเคลื่อนกิจกรรมตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อค้นหาปัญหาของเกษตรกร,หาแนวทางการแก้ไขปัญหา.กำหนดกิจกรรมแก้ไขปัญหา,จัดทำแผนปฏิบัติการ,ดำเนินการตามแผนฯ  โดยการฝึกอบรมเกษตรกรที่มีความสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมการส่งเสริมทำน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง โดยวิธีการให้ความรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ และสาธิต/ฝึกปฏิบัติการทำน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง , มอบหมายพันธกิจในการรณรงค์ให้เกษตรกรในหมู่บ้านหันมาทำน้ำหมักชีวภาพสูงใช้เองในครัวเรือน เพื่อลดต้นทุนในการผลิตภาคการเกษตร ทำให้มี่รายได้เพิ่มขึ้น

          ๓. จากเวทีเสวนาค้นหาปัญหาของเกษตรกรที่ทำนา  ต้นทุนในการทำนาแต่ละคราวอยู่ที่  ๕,๑๘๐ บาทต่อไร่(เป็นนาหว่าน

โดยที่นาเป็นนาเช่าและใช้ปุ๋ยยูเรียไร่ละ ๑ กระสอบ ปุ๋ยสูตร ๘-๘ –๑๖ ครึ่งกระสอบ รวมค่าปุ๋ยประมาณ ๑,๐๕๐ บาทต่อไร่) ราคาข้าวที่จำหน่าย อยู่ที่ตันละ ๖,๐๐๐ – ๖,๒๐๐ บาท  ผลผลิตที่เกษตรกรผลิตได้ต่อไร่คือ ๗๕๐ – ๘๐๐ กิโลกรัม(ในกรณีที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์) ราคาข้าวที่จำหน่ายกิโลกรัมละ ๖ บาท๒๐ สตางค์  เกษตรกรจะมีรายได้เฉลี่ยไร่ละ ๔,๙๖๐ บาท  สรุปเกษตรกรจะขาดทุนเฉลี่ยไร่ละ ๒๒๐ บาท

          ๔. การทำน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง โดยการนำวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรลักษณะสดมาทำการหมักโดยผสมกากน้ำตาล หมักในถังพลาสติกในรูปของเหลว  โดยใช้สารเร่ง พด.๒ จากกรมพัฒนาที่ดินหมักและ ผสมกับอาหารเสริมพืชนาโนที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปหลายยี่ห้อ หมักใส่ถังพลาสติก  น้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูงที่ได้จะใช้แทนปุ๋ยยูเรีย ได้ ๑๐๐ % คือสามารถลดต้นทุนได้ไร่ละ ๘๕๐ บาท

          ๕. แก่นความรู้ที่ได้คือ การศึกษาเรียนรู้ร่วมกันในเวทีเสวนา ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง โดยเฉพาะเกษตรกรในปัจจุบันมีปัญหาอะไรที่เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขด้วยตนเอง ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ทางรัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนนำไปใช้ในการดำรงชีพเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ที่อยู่     สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบรรพตพิสัย  โทร. ๐๕๖๒๗๙๔๙๙   เบอร์โทรส่วนตัว  โทร. ๐๘๑๗๙๐๓๑๕๙